✨ลูกซีด เรื่องใหญ่ พ่อแม่ต้องใส่ใจ ให้ยาธาตุเหล็ก กับเด็กๆวัยคิดส์ (Kids)✨
ภาวะโลหิตจางในเด็กของประเทศไทยส่วนใหญ่เกิดจากภาวะของการขาดธาตุเหล็ก (Iron deficiency anemia) และ โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย (thalassemia syndrome) ภาวะโลหิตจางจากการ ขาดธาตุเหล็ก พบได้บ่อยใน 2 ช่วงอายุ คือ ช่วงอายุ 6 เดือน ถึง 3 ปี และ ในวัยรุ่น ได้มีการศึกษาความชุกของภาวะโลหิตจางในเด็กวัยก่อนเรียน อายุต่ำกว่า 6 ปี พบ มีอัตราสูงถึงร้อยละ 15 ส่วนในเด็กวัยเรียน อายุ 6-14 ปี พบร้อยละ 19
????สาเหตุของการขาดธาตุเหล็ก
สามารถจำแนกได้ดังนี้
ได้รับธาตุเหล็กจากอาหารน้อยเป็นปัญหาที่พบบ่อยในทุกวัย ในเด็กเล็กอายุ 1 – 2 ปีแรก ที่ดื่มแต่นมอย่างเดียวหรือได้นมผสมที่ไม่ได้เสริมธาตุเหล็กหรือได้รับอาหารเสริมช้าจากการเลี้ยงดูไม่ถูกต้อง มีโอกาสเสี่ยงสูงต่อการขาดธาตุเหล็ก ในเด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป การมีนิสัยบริโภคไม่เหมาะสม ได้แก่ ไม่ได้บริโภคเนื้อสัตว์ ไม่ชอบรับประทาน ไข่ เป็นต้น มีโอกาสขาดธาตุเหล็กได้
ร่างกายมีความต้องการธาตุเหล็กมากขึ้น ในทารกแรกเกิดที่น้ำหนักตัวน้อย ได้แก่ ทารกคลอดก่อนกำหนด จะมีธาตุเหล็กที่ได้จากแม่น้อยตามน้ำหนักด้วย ประกอบกับอัตราการเจริญเติบโตเร็วกว่าทารกปกติ ในช่วง 6 เดือนแรก จึงต้องการธาตุเหล็กมากกว่าปกติ ธาตุเหล็กที่มีอยู่ไม่เพียงพอในการสร้างเม็ดเลือดแดง จึงทำให้เกิดภาวะซีด ซึ่งเป็นได้ตั้งแต่อายุเพียง 2-3 เดือน
การเสียเลือด เช่น มีเลือดกำเดา เลือดออกจากแผลในกระเพราะอาหาร มีพยาธิปากขอ มีประจำเดือนมากผิดปกติ สิ่งเหล่า นี้เป็นสาเหตุของการขาดธาตุเหล็กจนมีอาการซีดได้
????การตรวจกรองภาวะซีด
ตรวจดูระดับฮีโมโกลบิน (Hemoglobin, Hb) และหรือฮีมาโตคริต (Hematocrit, Hct) เพื่อดูภาวะโลหิตจางหรือไม่โดยใช้ค่าของ Hb < 11 g/dL และหรือ Hct < 33% ตามลำดับ การตรวจกรองแยกตามกลุ่มอายุได้ดังต่อไปนี้
อายุ < 1 ปี
– ทารกคลอดปกติให้ตรวจกรองที่อายุ 9-12 เดือน
– ทารกคลอดก่อนกำหนดหรือน้ำหนักตัวน้อย ควรตรวจกรอง ใน 2 ช่วงอายุคือที่อายุ 3 เดือนในกรณีที่ไม่ได้ธาตุเหล็กเสริมหรือ ตรวจกรองที่อายุ 6 เดือน กรณีที่ได้ธาตุเหล็กเสริม
อายุ 1-3 ปี
– เด็กในกลุ่มเสี่ยง เช่น รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กน้อยได้แก่ ดื่มนมวัว (Cow’s milk) มากกว่า 24 ออนซ์ต่อวัน ให้ตรวจกรองที่อายุ 15-18 เดือนและที่อายุ 24 เดือน
????ผลกระทบของการขาดธาตุเหล็ก
การขาดธาตุเหล็กมีผลต่อระดับเชาว์ปัญญา (Cognitive function) ซึ่งประเมินจาก IQ test และผลการเรียนวิชาภาษาไทยและคณิตศาสตร์ พบว่าในเด็กนักเรียนที่ขาดธาตุเหล็กถ้าได้รับการรักษาจนระดับฮีโมโกลบินเพิ่มขึ้น จะทำให้ระดับเชาว์ปัญญาเพิ่มขึ้น
การป้องกันภาวะขาดธาตุเหล็ก
โดยการให้ธาตุเหล็กเสริม (Iron supplement) ขนาด 1 มก./กก./วัน
ในเด็กอายุขวบปีแรก แนะนำให้งดดื่มนมวัว (Cow’s milk)ในกรณีที่ดื่มนมแม่ให้รับประทานธาตุเหล็กเสริมเมื่ออายุ 4-12 เดือน และเมื่อหย่านมแม่ให้ดื่มนมที่เสริมธาตุเหล็ก
ในช่วงอายุ 1-2 ปี สามารถป้องกันได้โดยรับประทานอาหารที่มีปริมาณธาตุเหล็กและวิตามิน ซี สูง จำกัดการดื่มนมวัว (Cow’s milk) ไม่เกิน 24 ออนซ์ต่อวัน และรับประทานนมที่มีธาตุเหล็กเสริม
พยายามหลีกเลี่ยงการดื่มนมจากขวดเมื่ออายุมากกว่า 1 ปีเนื่องจากการดื่มนมจากขวด (ottle-feeding) เป็นเวลานาน 24-48 เดือน จะมีโอกาสเสี่ยงสูงจากการขาดธาตุเหล็กมากกว่าเด็กที่ไม่ได้ดื่มนมจากขวด
คำแนะนำให้ทำการตรวจคัดกรอง ภาวะโลหิตจางด้วยการหาค่าฮีโมโกลบิน และ/หรือค่าฮีมาโตคริต เมื่อเด็กอายุ 15-18 เดือน พร้อมกับการที่เด็กมารับการตรวจสุขภาพและรับการฉีดวัคซีนหัดเยอรมัน หรือวัคซีน คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก (กระตุ้นครั้งที่ 1) หรืออาจตรวจคัดกรองหนึ่งครั้งช่วงอายุ 2 ปี ในโอกาสที่เด็กมารับการตรวจสุขภาพเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้
????คำแนะนำสำหรับการป้องกันการขาดธาตุเหล็ก
หลีกเลี่ยงการให้ ดื่มนมวัว (Cow’s milk)ในทารกอายุ 1 ปีแรก
ทารกคลอดครบกำหนด และดื่มนมสูตรทารกที่เสริมธาตุเหล็กไม่ต้องให้เหล็กเสริม
ทารกที่คลอดครบกำหนดที่ดื่มนมแม่อย่างเดียว เมื่ออายุ 4- 6 เดือน ให้เสริมธาตุเหล็กในขนาด 1 มก./กก./วัน หรือ ให้ อาหารเสริมที่มีธาตุเหล็ก (Iron – fortified cereal) เนื่องจากนมแม่มีปริมาณธาตุเหล็กต่ำ แต่การดูดซึมได้ดี
ทารกที่คลอดก่อนกำหนดและน้ำหนักตัวน้อย ให้เสริมธาตุเหล็ก 2 มก./กก./วัน
.............................................
"บริการรวดเร็ว ปลอดภัย ห่วงใยดุจญาติมิตร"
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
โทรศัพท์ 033-009800